วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เลือกอะไรดีระหว่าง เครื่องเลื่อยสายพาน Band Saw กับ Circular Saw





หลายคนมักมีคำถามว่าจะเลือกอะไรดีระหว่างเครื่องเลื่อยสายพาน Band Saw กับ Circular Saw บทความนี้นำเสนอมุมมองในการพิจารณาซึ่งอาจแตกต่างกันไปในหลายๆ มิติ วงศ์ธนาวุฒิหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยสร้างพื้นฐานในการพิจารณาในการเลือก ซื้อเครื่องเลื่อยให้กับท่านผู้อ่านได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น


ในอดีต เครื่องตัด Band Saw นั้นได้รับความนิยมสูงมาก เนื่องด้วยกำลังในการตัด ศักยภาพในการฟีดงานเข้าตัดตามระยะที่กำหนด การตั้งโปรแกรมที่หลากหลาย การตัดวัสดุมากชนิดด้วยการเลือกใบตัดที่เหมาะสมทำในผิวตัดราบเรียบสม่ำเสมอ ในขณะที่ Circular Saw จะได้รับความนิยมในหมู่งานตัดประเภท High Speed Cutting ที่ต้องการความเร็วในการตัด หรือต้องการผิวเรียบมากเป็นพิเศษ การเปรียบเทียบประสิทธิภาพการตัดของเครื่องเลื่อยทั้งสองประเภทนั้นเริ่มยาก มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทคโนโลยีพัฒนามาถึงปัจจุบัน เพราะในแง่ของต้นทุนแล้ว Band Saw ยังได้เปรียบทางด้านการลงทุนด้วยความหลากหลายในการตัดที่มากกกว่า สำหรับกรณีที่ผู้ประกอบการต้องการขยายไลน์การผลิตไปสู่วัสดุที่ต้องการตัด ใหม่ๆ ในอนาคต หรือการตัดด้วยการ Bundle ที่รวมเอาวัสดุกองกันเป็นชั้นๆ ตัดทีเดียว ทำให้ประหยัดเวลาในการตัดและจัดเรียง 


ชนิดและขนาดของวัสดุที่นำมาตัด

การพิจารณาเริ่มต้นที่พื้นฐานของงานตัดนั่นคือการคัดกรองวัสดุที่จะนำ มาตัดว่าโดยมากจะเป็นประเภทอะไร เกรดไหน ขนาดเท่าไหร่ รูปทรงเป็นแบบเพลาตัด ท่อกลวง หรือทั้งสองประเภท และจะมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตอย่างไร วัสดุประเภทนั้นๆ ในอนาคตจะเปลี่ยนไปมากน้อยขนาดไหน

โดยมากนั้นระยะเส้นผ่าศูนย์กลางของวัสดุที่ตัดกับ Circular Saw จะมีขนาดไม่เกิน150 มม ต่อชิ้น ด้วยข้อจำกัดของโครงสร้างเครื่องทั่วไปที่มีขายกันอยู่ในตลาด ขนาดไม่เกิน 150มม นี้จะใช้เครื่องเลื่อยประเภทใดก็ได้ หากวัสดุมีขนาดที่มากกว่านั้น โดยทั่วไปจะหันไปเล่นเครื่องเลื่อยสายพานกันเสียส่วนใหญ่ เนื่องจากราคาของเครื่องจะถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสเกลการตัดอย่างเห็น ได้ชัด  

การตัดด้วย Cold Saw กับเหล็กธรรมดานั้นทำได้ง่ายเพราะไม่ก่อให้เกิดความร้อนสูงและความร้อนสะสม ซึ่งจะทำให้ฟันของ Circular Saw เสียหาย พวกโลหะที่มีส่วนผสมของ Nickel มากกว่าปกติจะตัดยากสำหรับ Cold Saw ในขณะที่ฟันของใบเลื่อยสายพานจะวิ่งช้ากว่า Circular Saw มาก ประกอบกับพื้นที่คมของฟันใบเลื่อยสายพาน Band Saw จะมีมากกว่าทำให้มีพื้นผิวสัมผัสของคมตัดมากขึ้น ช่วยเป็นตัวระบายความร้อนจากการตัดได้เป็นอย่างดีทั้งตอนตัดและตอนยกใบหนี ออกจากงาน

พฤติกรรมการใช้เลื่อยของผู้ใช้งาน

ผู้ใช้งานควรทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าในแต่ละวันนั้นตัดกี่ชั่วโมง มีสถิติเป็นรายวัน สัปดาห์และรายเดือน และจะปรับเปลี่ยนไปจากนี้หรือไม่ในอนาคตในระยะเวลาอีกนานเท่าไร และในแต่ละประเภทงานตัดนั้นได้ใช้วัสดุอะไรบ้าง เกรดไหน จำนวนเท่าไหร่

เครื่องเลื่อยสายพานสามารถวางชิ้นงานซ้อนทับกันได้หลายระดับ ทำให้สามารถตัดงานได้หลายชิ้นในการขิ้นในการขึ้นลงใบเลื่อยเพียงครั้งเดียว ในขณะที่ยังสามารถจับยึดชิ้นงานให้แน่นติดกันได้ทั้งหมดด้วยระบบไฮโดรลิคแค ล้มป์ ในการคำนวณปริมาณงานตัดจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใช้งาน ซึ่งตั้งมั่นใจว่าเครื่องเลื่อยที่คุณจะเลือกซื้อนั้นตอบโจทย์คุณได้ในด้าน ปริมาณการผลิต เช่น (ตัวเลขอาจแตกต่างสำหรับวัสดุที่แตกต่าง)

เครื่องเลื่อยสายพาน HA250 ของ AMADA สามารถวางชิ้นงานโต 50 มม ทับซ้อนกันได้ถึง 14 ชิ้นในการตัดหนึ่งครั้งในระยะเวลาการตัดต่อครั้ง 10 นาที ทำให้ได้เวลาต่อชิ้นที่ 43 วินาที

ในขณะที่ Cold Saw ใช้เวลาตัดวัสดุชนิดเดียวกัน แต่ไม่สามารถวางทับซ้อนกันได้ที่ 50 วินาทีต่อชิ้น

เทคโนโลยีการตัดของ Band Saw ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นทั้งระบบการบังคับบีมด้วยไฮโดรลิคคู่ ระบบใบมีดที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ความคงทนของใบมีด และอื่นๆ ทำให้ประสิทธิภาพในการตัดของเครื่องเลื่อยสายพาน Band Saw ดีขึ้นกว่าก่อนเป็นอย่างมาก

Cold Saw เองนั้นสามารถ Bundle cut หรือวางชิ้นงานทับซ้อนได้ แต่ว่าไม่สามารถทำในนำนวนมากหรือทำเป็นระบบ Automation ได้ดีเท่ากับเครื่องเลื่อยสายพาน Band Saw โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทับซ้อนกันของวัสดุที่เป็น ท่อกลม หรือ Round bar ที่ต้องอาศัยการ clamp หรือยึดจับทั้งแนวนอนและแนวตั้งเพื่อลดแนวแรงการสั่นสะเทือนที่กระจากรอบทิศ ทาง และเป็นการยืดอายุการใช้งานของใบเลื่อยไปในตัว


ผิวงานและค่าคลอนจากการเลื่อย

ค่าคลอนของระยะชิ้นงาน ค่าความฉาก และความสม่ำเสมอของชิ้นงานเป็นอย่างไร จำเป็นต้องมี operation ที่สองเพื่อเก็บความละเอียดของชิ้นงานอีกหรือไม่ หรือชิ้นงานที่เลื่อยมาแล้วอยู่ในระยะความคลอนที่ยอมรับได้ แล้วจะลดภาระของต้นทุนที่เกิดกับการเก็บผิวรอบที่สองได้อย่างไร

Circular Saw จะให้คำตอบผู้ใช้งานกับงานเลื่อย งานตัด ที่ต้องการคุณภาพสูงได้เป็นอย่างดี ด้วยใบเลื่อยที่ออกแบบมาให้คมเป็นพิเศษทำให้งานตัดจาก Circular Saw นั้นแทบจะไม่มีรอยเบลอที่ขอบชิ้นงาน หากต้องการงานตัดที่ได้ระยะคมชัดเมื่อเปรียบเทียบกับ เครื่องเลื่อยสายพานแล้วนั้น ผู้ประกอบการต้องพิจารณาเครื่องเลื่อยสายพาน Band Saw ที่ใช้ระบบฟีดงานแบบ Servo Motor ที่ควบคุมได้ทั้งความเร็วและระยะที่แม่นยำกว่าการฟีดแบบไฮโดรลิคทั่วไป 


ประเภทของการตัด

การตัดบางประเภทต้องการตัดแบบมีองศา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วงานที่ต้องปรับองศาใบในการตัดจะไม่สามารถวางซ้อนทับกันได้ การเลื่อยงานจึงต้องเปรียบเทียบแบบชิ้นต่อชิ้น ซึ่งลักษณะนี้ต้องดูที่องศาที่เครื่องสามารถตัดได้และความต้องการของผู้ใช้ งานเป็นหลัก


มองหาทางเลือกที่ดีที่สุด

การลงทุนซื้อเครื่องเลื่อยนั้นสำคัญอยู่ที่การพิจารณาในปัจจัยสอง ประการนั่นคืองบประมาณการลงทุนเปรียบเทียบกับประสิทธิภาพที่วัดออกมาเป็นผล งานของเครื่องเลื่อยในระยะยาว ซึ่งโดยเปรียบเทียบแล้วนั้น เครื่องเลื่อยระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบของ เครื่องเลื่อยสายพาน Band Sawจะมีราคาถูกกว่าเครื่องเลื่อย Circular Cold Saw หลักการพิจารณานั้นต้องนำปัจจัยดังกล่าวข้างต้นมารวมด้วยในสมการการลงทุน เช่น ความจำเป็นในการตัดงานแบบชิ้นต่อชิ้นว่ามีมากหรือน้อยอย่างไร จำเป็นต้องตัดแบบ Bundle Cut หรือ ทับซ้อนหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วต้นทุนการตัดต่อชิ้นของ เครื่องเลื่อยสายพาน Band Saw นั้นจะประหยัดกว่า แต่ว่าหากนำ Circular Saw ไปลับคมใบได้ก็จะช่วยลดต้นทุนในการตัดได้เช่นกัน สุดท้ายแล้วจึงมาจบที่สมการของต้นทุนการตัดต่อชิ้นว่าจะพิจารณาเลือกเครื่อง เลื่อยสายพาน หรือ Circular Cold Saw ด้านความเหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานและการลงทุน


ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนางานแปรรูปโลหะแผ่น
โดย วงศ์ธนาวุฒิ โทร. +66.2.899.6374 หรือ +66.86.308.0698
85 ถ.กาญจนาภิเษก แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพฯ 10150
Bangbon Machinery Center by Wongtanawoot
Email : 
WebSite :
FaceBook :
Twitter :

Blogger WONGTANAWOOT

ไม่มีความคิดเห็น :